5 วัดภูฏาน ไหว้พระขอพร เสริมโชคลาภ สร้างบุญบารมี

ประเทศภูฏาน อีกตัวเลือกหนึ่งที่ควรค่าแก่การพาครอบครัวไปเที่ยวไหว้พระขอพรเป็นอย่างมาก
นอกจากจะเป็นประเทศที่ติดอันดับเทรนด์ท่องเที่ยวโลก ปี 2020 ในเรื่อง “10 จุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวชั้นนำของโลกและประเทศที่ให้ประสบการณ์การท่องเที่ยวแบบยั่งยืน” ประจำปี 2020 ซึ่งได้รับการรับเลือกจาก Lonely Planet นิตยสารท่องเที่ยวชั้นนำของโลก เต็มไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ของป่าไม้ ทุ่งหญ้า และเหล่าดอกไม้นานาพันธุ์ มีอากาศที่สดชื่นและบริสุทธิ์ ท้องฟ้าแจ่มใสแล้ว สถาปัตยกรรมในวัดของประเทศภูฏานที่เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนกับประเทศอื่นๆ ตั้งแต่องค์ประกอบของโครงสร้าง สีสันของภาพวาดที่ถูกแต่งแต้มลงบนชิ้นส่วนทุกชิ้นในวัด รวมทั้งเรื่องราวที่เป็นตำนานของในแต่ละสถานที่นั้นๆ ที่โอบล้อมด้วยกลิ่นอายของพุทธนิกายมหายาน (บ้างก็เรียกว่า ตันตรยาน หรือ วัชรยาน) หล่อหลอมให้เป็นส่วนหนึ่งในวิถีชีวิตประจำวันของคนภูฏาน ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีในการเดินทางไปเที่ยววัดต่างๆ และไฮไลท์สำคัญในแต่ละเมืองของภูฏานอย่างแน่นอน สำหรับ 5 วัดภูฏาน มีที่ไหนบ้างมาดูกัน
วัดที่ 1 : วัดทักซัง
ครั้งหนึ่งในชีวิตควรมาแสวงบุญ
เสริมความเป็นสิริมงคลและความเจริญก้าวหน้าของชีวิต
เป็น 1 ในวัดที่สวยและศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในโลกที่ทุกคนต้องมาเมื่อมาเที่ยวภูฏาน มีตํานานเล่าว่า ท่านคุรุรินโปเชได้ขี่นางเสือที่เป็นศักติของท่านแปลงกายมา เหาะมายังที่แห่งนี้และบําเพ็ญสมาธิอยู่ในถ้ำรังเสือนาน 3 เดือน เทศนาสั่งสอนผู้คนและสําแดงกายสะกดภูติผีปีศาจร้าย วัดทักซัง จึงเป็นที่รู้จักกันอีกชื่อหนึ่งว่า รังเสือ หรือ วัดถ้ำเสือ (Tiger Nest) ที่ตั้งอยู่บนหน้าผาสูง 900 เมตร ซึ่งมีทัศนียภาพที่น่าตื่นตาอย่างยิ่ง
วัดที่ 2 : เจดีย์ดรุกวังเยลลาคัง
สถานที่อธิษฐานขอพร ของ ราชินีในรัชกาลที่ 4
ถัดออกมาจากจุดชมวิวโดชูล่าไม่ไกลนัก เป็นอารามหลวงของราชินีในรัชกาลที่ 4 อาชิ โดร์จิ วังโม วังชุก ที่สร้างขึ้นอย่างสวยงาม ด้วยทักษะศิลปะการออกแบบที่สลับซับซ้อนแสดงให้เห็นถึงการผสมผสานของศิลปะและตำนาน ซึ่งภายในวัดมีภาพจิตรกรรมฝาผนังของเจ้าหญิงและเจ้าชายทุกพระองค์ในรูปของนางฟ้าและเทวดา นอกจากจะเป็นสถานที่จัดงาน Druk Wangyal Festival ในอดีตยังเป็นสถานที่ที่ราชินีในรัชกาลที่ 4 อาชิ โดร์จิ วังโม วังชุกได้อธิษฐานขอพรจากเทพเจ้าช่วยปกป้องกษัตริย์และประชาชนให้กลับมาจากสงครามอย่างปลอดภัย ซึ่งคำอธิษฐานนั้นได้เกิดขึ้นจริง ณ ที่แห่งนี้จึงได้เป็นสถานที่แสดงความรักและความห่วงใยของกษัตริย์และราชินีแห่งภูฏานเป็นต้น
วัดที่ 3 : วัดคิชู ลาคัง
วัดเก่าแก่ที่สุดของภูฏาน
เป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปที่ศักสิทธิ์
เป็น 1 ใน 108 วัด ที่พระเจ้าซังเซน กัมโป สร้างขึ้นตามความเชื่อว่าต้องสร้างวัดทั้งหมด 108 แห่งเพื่อตรึงนางยักษ์ที่นอนพาดเทือกเขาหิมาลัยไว้ ซึ่งวัดคิชูเป็นส่วนที่ตรึงเท้าซ้ายของนางยักษ์ วัดคิชูประกอบด้วยโบสถ์ 2 หลัง ประดิษฐานรูปสลักพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรพันเนตร มีรูปปั้นท่านคุรุรินโปเชสูง 5 เมตร ผนังด้านในวัดมีภาพท้าวจตุโลกบาล และเทพเก็นเย็น โดร์จีดราดุล เทพในคติพื้นบ้านของชาวภูฏาน และยังมีจิตรกรรมภาพบุคคลสําคัญ คือ ท่านคุรุรินโปเช ท่านซับดรุง งาวัง นัมเกล พระเจ้าซังเซน กัมโป พระพุทธเจ้าและพระอรหันต์เทพธิดาแห่งเทือกเขาหิมาลัย ทั้งยังเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปโจโว หนึ่งในพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ของภูฏานอีกด้วย
วัดที่ 4 : อนุสรณ์สถานแห่งชาติ
สัญลักษณ์ตรีภาคขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
มีอีกชื่อเรียกว่า อนุสรณ์สถานทิมพู (National Memorial Chorten) เป็นอนุสรณ์มหาสถานแด่กษัตริย์รัชกาลที่ 3 สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี ดอร์จิ วังชุก แห่งประเทศภูฏาน ท่านประสงค์จะสร้างเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา แทนสัญลักษณ์ กาย วาจา และใจ หรือตรีภาคขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยได้รับการอุปถัมภ์จากพระราชินีอาชิ พุนโช โชเด็น วังชุก พระราชมารดาของพระองค์ อนุสรณ์สถานแห่งชาติถือว่าเป็นจุดสังเกตอันโดดเด่นของเมืองทิมพู ด้วยยอดทรงกรวยสีทอง ภายในใช้เป็นที่เก็บพระบรมอัฐิ และมีพระบรมฉายาลักษณ์ของพระองค์ มีรูปปั้นของท่านคุรุ รินโปเช (นักบวชที่ชาวภูฏานเคารพนับถือมาก) และรูปปั้นของซับดรุง งาวังนัมเกล (ผู้รวบรวมภูฏานเป็นหนึ่งเดียว) ชาวภูฏานเชื่อว่าใครที่เข้าไปสักการะจะต้องเดินเวียนขวาตามเข็มนาฬิกาเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตนเอง
วัดที่ 5 : องค์หลวงพ่อสัจธรรม
พระพุทธรูปที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของภูฏาน
ตั้งอยู่จุดที่สูงที่สุดในโลก
พระศรีศากยมุนีที่หล่อด้วยสัมฤทธิ์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของภูฏาน หลวงพ่อสัจจธรรมมีความสูง 169 ฟุต โครงสร้างของพระพุทธรูปสร้างอย่างประณีต และถือเป็นพระพุทธรูปผลงานชิ้นเอกที่ประดิษฐานที้่เมืองทิมพูซึ่งตั้งอยู่จุดที่สุดในโลกอีกด้วย เพื่อปกปักรักษาชาวทิมพู รัฐบาลภูฏานได้รับความร่วมมือด้านเงินทุนจากเศรษฐีชาวสิงคโปร์ สร้างโดยช่างฝีมือชาวไทย เฉพาะองค์พระพุทธรูป ใช้เงินทุนสร้าง 47 ล้านเหรียญดอลลาร์ ภายในบรรจุพระพุทธรูปขนาดเล็กกว่า 1,000 องค์ บริเวณฐานพระพุทธรูปเป็นห้องโถงสำหรับการทำสมาธิ จากจุดนี้สามารถมองลงไปเห็นทิวทัศน์ของเมืองทิมพูได้
นอกจากเราจะได้มาสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพื่อไหว้พระขอพร เสริมโชคลาภ สร้างบุญบารมี และความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตแล้ว ยังได้ความประทับใจในบรรยากาศรอบๆ วัดกลับบ้านไปอีกด้วย หากคุณลูกกับคุณแม่ยังไม่มีแพลนไปเที่ยวที่ไหน เราขอแนะนำสำหรับครอบครัวคนสายแสวงบุญที่ชอบบรรยากาศท่ามกลางธรรมชาติอย่างคุณไปไหว้พระที่ประเทศภูฏานกัน เที่ยวได้ตลอดทั้งปี เที่ยวได้ทุกเดือน